บ้านน็อคดาวน์ หรือบ้านสำเร็จรูป หรือบ้านเหล็ก แท้จริงแล้วคือชื่อผู้คนมักใช้เรียกบ้านที่สามารถยก และเคลื่อนย้ายได้ เริ่มเป็นที่นิยม แพร่หลาย และเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในประเทศไทย แต่ที่ต่างประเทศนั้น ได้รับการยอมรับมานานมากแล้ว ทั้งฝั่งยุโรป สแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น เกาหลี ล้วนแต่ใช้บ้านน็อคดาวน์มาสร้างเป็นบ้านที่อยู่อาศัยทั้งนั้น เพราะว่า บ้านน็อคดาวน์สามารถสร้างได้เร็ว แข็งแรงมาก ถ้าเทียบแล้ว เหล็กเหนียวและแข็งแรงกว่าปูนมาก บ้านน็อคดาวน์ไม่มีความซับซ้อนในการก่อสร้าง จึงสามารถคุมงบประมาณการก่อสร้างให้ไม่บานปลาย อีกทั้ง ในกรณีที่ผู้รับเหมาสร้าง/ผลิตเสร็จจากโรงงานมาเลย จะใช้เวลาในการติดตั้งบ้านที่บ้านของลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับขนาดของตัวบ้าน ซึ่งถ้าบ้านน็อคดาวน์ไม่ใหญ่มาก ก็จะสามารถใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ลูกค้าก็จะสบายใจที่ผู้รับเหมา แรงงานไม่ว่าเป็นคนไทยหรือต่างด้าว ไม่ต้องอยู่ในพื้นที่บ้านลูกค้านาน เพราะไม่เพียงลูกค้าไม่สะดวกใจในการพบปะคนแปลกหน้าเป็นระยะเวลานานแล้ว ยังห่วงเรื่องความปลอดภัย และการใช้พื้นที่ส่วนรวมด้วยกัน เช่น ห้องสุขา สนามหน้าบ้าน ระเบียงร่วมกับคนแปลกหน้าด้วยเช่นกัน

ดังนั้น บ้านน็อคดาวน์ที่แข็งแรง (ขอเน้นย้ำว่าต้องแข็งแรง) สามารถสร้างเร็วเสร็จทันตามแบบของลูกค้า จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในยุคปัจจุบัน 

ระยะเวลาในการผลิตบ้านน็อคดาวน์/บ้านสำเร็จรูปนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดบ้านที่ลูกค้าเลือก และขึ้นอยู่กับวิธีการที่โรงงานผู้ผลิตใช้ในการผลิตด้วยเช่นกัน อาทิเช่น ถ้าโรงงานผลิตสำเร็จมาจากโรงงานเลย บ้านขนาดเล็ก 3*6 เมตรมีห้องสุขา จะใช้เวลาในการผลิตไม่เกิน 1 เดือน แล้วยกมาติดตั้งที่บ้านลูกค้า จะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น แต่ถ้าโรงงานผู้ผลิตบ้านน็อคดาวน์ เลือกใช้วิธีขนวัสดุไปสร้างที่บ้านลูกค้า ระยะเวลาการผลิตอาจไม่ต่างกัน แต่ลูกค้าอาจไม่ชอบที่มีผู้รับเหมามาอยู่ในบริเวณบ้านเป็นระยะเวลานาน และที่สำคัญบ้านน็อคดาวน์นั้น “มักย้ายอีกไม่ได้”

การเตรียมพื้นที่หน้างาน ก่อนที่บ้านน็อคดาวน์/บ้านสำเร็จรูปจะไปส่งนั้น ลูกค้าต้องทำตอหม้อ หรือฐานรับน้ำหนักบ้านให้ได้ระดับ เมื่อบ้านมาติดตั้งจะไม่เอียง ซึ่งมีวิธีการทำฐานรับน้ำหนักได้หลายวิธี อาทิเช่น

1. เจาะเข็มเหล็ก กรณีนี้ แนะนำในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
2. ทำตอหม้อ พร้อมฐานปูนแผ่ โดยให้ตอหม้ออยู่พ้นฐานปูนแผ่ตามที่ลูกค้าต้องการได้
3. ทำปูนฐานแผ่ ควรหนา 15 cm. ทั้งนี้ หน้างานลูกค้าต้องไม่อยู่ในเขตพื้นที่ดินอ่อน เช่น ในกรุงเทพและปริมณฑล
4. ทำฐานแผ่ และคานคอดินรัดรอบ หรืออาจทำร่วมกับตอหม้อได้ด้วย

บ้านน็อคดาวน์/บ้านสำเร็จรูป ที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต จำเป็นต้องใช้บริการรถขนส่ง เพื่อขนย้ายบ้านจากโรงงานผู้ผลิต ไปยังหน้างานที่ลูกค้าต้องการให้จัดส่ง ปกติแล้ว ขนาดมาตรฐานของบ้านน็อคดาวน์ จะอยู่ที่ขนาด 3 x 6 เมตร ซึ่งสามารถใช้รถเฮี๊ยบในการขนย้ายได้ หากลูกค้าซื้อหลังใหญ่ขึ้นมาเช่น ขนาด 6 x 6 เมตร ก็จะใช้รถเฮี๊ยบในการจัดส่ง 2 คัน แล้วยกลงประกบบ้านให้เป็นหลังเดียวกันที่หน้างานลูกค้า

** รถเฮี๊ยบ คือ รถ 6-10 ล้อ มีเครนติดอยู่หลังกะบะรถ ควรใช้เครนที่รับน้ำหนักได้ 5 ตัน จำนวนปลอกเครนคือ 4 ปลอก เป็นอย่างน้อย

การติดตั้งบ้านน็อคดาวน์ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เพราะบ้านน็อคดาวน์ชนิดสร้างเสร็จจากโรงงานมีความเรียบร้อยมาแล้วมากกว่า 90-100% จึงยกมาติดตั้งเพียง 1 วันเท่านั้น แต่ถ้าเป็นหลังใหญ่ขึ้นมาก็จะใช้เวลามากกว่านั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่สำคัญงานฐานราก ก่อนที่จะถึงกำหนดนัดส่งบ้าน หรือพื้นที่จะติดตั้งบ้านน็อคดาวน์จะต้องเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อน

อายุการใช้งานของบ้านน็อคดาวน์/บ้านสำเร็จรูป อยู่ได้นานมากๆ 30-50 ปี ขึ้นอยู่กับหน้างาน และวิธีใช้งานของลูกค้าด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าวางบ้านให้สัมผัสดิน หรือน้ำท่วมบ่อย อันนี้ไม่ดีแน่ๆ เพราะโครงสร้างบ้านสำเร็จรูปเป็นเหล็กเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคานและโครงสร้างพื้นคือเหล็กล้วน ดังนั้น เหล็กไม่ชอบดินเพราะมีความชื่น และไม่ชอบน้ำขัง จึงควรหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่ออายุการใช้งานของบ้านที่ยาวนาน 

นอกนั้น วัสดุที่บ้านน็อคดาวน์ใช้ มักเป็น Fiber Cement เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นวัสดุที่ออกแบบมาให้ใช้กับภายนอกอาคารได้อยู่แล้ว ทนน้ำ ทนลม ทนฝน ทนแดด นี่คือข้อดีของ Fiber Cement ทั้งนี้ ลูกค้าต้องมั่นใจว่าวัสดุที่เห็นต้องไม่ใช่ยิปซั่มบอร์ด

บ้านน็อคดาวน์ ต้องการการดูแลรักษาเหมือนบ้านปูนทั่วไป ทาสีได้ใหม่ตลอดเวลา และดีตรงที่บ้านน็อคดาวน์ ไม่มีส่วนผสมของไม้แท้ จึงไม่ต้องดูแลรักษาเรื่องปลวกมากนัก ยกเว้นภายในบ้านลูกค้ามีเฟอร์นิเจอร์ หรือหนังสือที่ปลวกชอบรับประทาน สามารถวางระบบป้องกันปลวกได้เหมือนบ้านทั่วไปเช่นกัน

เมื่อลูกค้าต้องการย้ายทำเล อาจแค่ย้ายภายในพื้นที่บ้าน หรือย้ายไปเพื่อใช้ประโยชน์ในที่ใหม่ หรือย้ายตามหลักฮวงจุ้ย สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการแจ้ง Call Center ของบริษัทฯ ให้มาย้ายให้ ซึ่งการย้ายต้องใช้รถเฮี๊ยบหรือรถเครนขึ้นอยู่กับหน้างานลูกค้า ซึ่งค่าใช้จ่ายในการย้ายจะประกอบไปด้วยค่าบริการรื้อ และประกอบบ้านให้เหมือนเดิม ณ สถานที่ใหม่ และมีค่าใช้จ่ายรถขนส่งเท่านั้น